Saturday May 11, 2024

อัพเดทภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2565 พร้อมคำแนะนำวิธีคำนวณ

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2565

ขึ้นชื่อว่าภาษีก็เลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง จะต้องเสียภาษี “ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง”ดังนั้นเจ้าของบ้านจึงจำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีและปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอเพื่อจะได้ปฏิบัติตามระเบียบได้ถูกต้อง วันนี้เราจึงสรุปภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2565 พร้อมแนะนำวิธีคำนวณภาษี ใครอยากสร้างบ้านต้องอ่านและทำความเข้าใจกับรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการสร้างบ้านในอนาคต 

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร ?

ภาษีที่ดินเป็นภาษีที่จัดเก็บเป็นรายปีตามมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยมีหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดเก็บภาษี อัตราภาษีจะคิดตามประเภทการใช้ประโยชน์

ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ?

  • เจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง แต่ถ้าเจ้าของที่ดินกับเจ้าของสิ่งปลูกสร้างเป็นคนละคนกันเจ้าของที่ดินก็เสียภาษีเฉพาะมูลค่าที่ดิน เจ้าของสิ่งปลูกสร้างเสียภาษีตามมูลค่าของสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น
  • ผู้ครอบครองใช้ประโยชน์จากที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นทรัพย์สินของรัฐ
  • เจ้าของหรือผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินจะต้องเสียภาษีในปีถัดไป

ภาษีที่ดิน คำนวณอย่างไร

เมื่อเรารู้เรื่องภาษีที่ดินอย่างคร่าว ๆ แล้ว นั่นคือเราต้องรู้วิธีการคำนวณ การคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะคำนวณแบบขั้นบันไดตามมูลค่าของฐานภาษีแต่ละฐานจะใช้สูตรเบื้องต้น ต้องแยกมูลค่าบ้านออกจากมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จากนั้นนำผลลัพธ์มารวมกันดังนี้

ที่ดินที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง

  • ภาษีที่ต้องจ่าย = มูลค่าที่ดิน x อัตราภาษี
  • โดยมูลค่าที่ดิน = ราคาประเมินที่ดิน (ต่อตารางเมตร) x พื้นที่ดิน
  • ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
  • ภาษีที่ต้องจ่าย = มูลค่าที่ดิน + มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง x อัตราภาษี
  • โดยมูลค่าที่ดิน = ราคาประเมินที่ดินต่อตารางเมตร x ขนาดพื้นที่ดิน
  • มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง = (ต้นทุนโดยประมาณของอาคารและสิ่งปลูกสร้าง (ต่อตารางเมตร) x พื้นที่อาคาร) – ค่าเสื่อมราคา

ห้องชุด

  • ภาษีที่ต้องจ่าย = มูลค่าต่อหน่วย x อัตราภาษี
  • โดยมูลค่าห้องชุด = ราคาประเมินทรัพย์สินห้องชุด (ต่อ ตร.ม.) x ขนาดพื้นที่ห้องชุด (ตร.ม.)

อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจำแนกตามประเภทการใช้ประโยชน์และผู้เสียภาษีเป็นหลัก ซึ่งแบ่งออกเป็นสี่ประเภท อัตราภาษีจะคำนวณเป็นขั้นเป็นตอนตามมูลค่าของฐานภาษีแต่ละฐานดังนี้

1. ที่ดินประกอบเกษตรกรรม

การใช้ประโยชน์ในการเกษตรต้องทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ และประกอบกิจการ หากเกษตรกรรมไม่ได้ใช้ที่ดิน รัฐบาลจะเก็บภาษีตามสัดส่วนของการใช้ที่ดินของเกษตรกรแต่ละคน ที่ดิน 50 ล้านบาทแรกได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี

อัตราภาษีตามมูลค่าทรัพย์สิน

  • 0 – 75 ล้านบาท อัตราภาษี 0.01% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 7,500 บาท
  • 75 – 100 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท
  • 100 – 500 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05% โดยต้องเสียภาษีประจำปีไม่เกิน 250,000 บาท
  • 500-1,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.07% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 700,000 บาท
  • 1,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1% ซึ่งภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 1 ล้านบาท

2. ที่อยู่อาศัย

ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของใช้อยู่อาศัย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแบ่งออกเป็น

2.1 ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

อัตราภาษีตามมูลค่าทรัพย์สิน

  • 0-25 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03% และภาษีที่ชำระรายปีไม่เกิน 7,500 บาท
  • 25-50 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 25,000 บาท
  • 50 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1% ซึ่งต้องจ่ายต่อปีไม่เกิน 50,000 บาท
  • 2.2 อาคารที่เจ้าของซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาใช้เป็นที่อยู่อาศัยและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน

อัตราภาษีตามมูลค่าทรัพย์สิน

  • 0-40 ล้านบาท อัตราภาษี 0.02% และภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 8,000 บาท
  • 40-65 ล้านบาท อัตราภาษี 0.03% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 19,500 บาท
  • 65 – 90 ล้านบาท อัตราภาษี 0.05% และภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 45,000 บาท
  • 90 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.1% ซึ่งเสียภาษีประจำปีตั้งแต่ 90,000 บาทขึ้นไป
  • 2.3 ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย (บ้านหลังอื่น) นอกจากใช้เป็นที่อยู่อาศัยตามข้อ 2.1 และ 2.2

อัตราภาษีตามมูลค่าทรัพย์สิน

  • 0-50 ล้าน อัตราภาษี 0.02% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 10,000 บาท
  • 50-75 ล้าน อัตราภาษี 0.03% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 22,500 บาท
  • 75-100 ล้าน อัตราภาษี 0.05% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 50,000 บาท
  • 100ล้านขึ้นไป อัตราภาษี 0.1% ซึ่งมีภาษีที่ต้องชำระต่อปีตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป

3. ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามข้อ 1 หรือ 2

สำหรับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้จะไม่เก็บเพื่อการเกษตรและที่อยู่อาศัย แต่จะเป็นที่ดินเพื่อการพาณิชย์

อัตราภาษีตามมูลค่าทรัพย์สิน

  • ไม่เกิน 50 ล้าน คิดอัตราภาษี 0.3% ซึ่งมีภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 150,000 บาท
  • 50-200 ล้าน อัตราภาษี 0.4% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 800,000 บาท
  • 200-1,000 ล้าน อัตราภาษี 0.5% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 5 ล้านบาท
  • 1,000 – 5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.6% ภาษีต่อปีไม่เกิน 30 ล้านบาท
  • 5,000 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 0.7% ที่ต้องจ่ายต่อปีไม่เกิน 35 ล้านบาท

4. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งร้างหรือไม่ได้ใช้ประโยชน์

และกลุ่มสุดท้ายที่ต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแพงที่สุดคือที่ดินที่ปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์

อัตราภาษีตามมูลค่าทรัพย์สิน

  • ไม่เกิน 50 ล้าน อัตราภาษี 03% และภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 150,000 บาท
  • 50 – 200 ล้านบาท อัตราภาษี 0.4% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 800,000 บาท
  • 200-1,000ล้าน อัตราภาษี 0.5% โดยภาษีที่ต้องชำระต่อปีไม่เกิน 5 ล้านบาท
  • 1,000-5,000 ล้านบาท อัตราภาษี 0.6% และภาษีประจำปีไม่เกิน 30 ล้านบาท
  • 5,000 ล้านขึ้นไป อัตราภาษีอยู่ที่ 0.7% คือต้องเสียภาษีต่อปีไม่เกิน 35 ล้านบาท

เสียภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้างได้ที่ไหน ?

สำหรับช่องทางการชำระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กรุงเทพมหานครได้เพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนชำระภาษีได้สะดวกรวดเร็ว ดังนี้

  1. สำนักงานเขต
  2. ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา ทั่วประเทศ
  3. ตู้เอทีเอ็ม ธ.กรุงไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ
  4. วีซ่าและมาสเตอร์การ์ดของธนาคารและสถาบันการเงินทุกแห่ง
  5. ชำระเงินข้ามธนาคารด้วย Barcode หรือ QR Code

scoope

Back to Top